สงเคราะห์โลงศพฟรี สงเคราะห์เผาศพฟรี สงเคราะห์ลอยอังคารฟรี แก่ผู้ยากไร้ไร้ญาติ


เถรส่องบาตร

 

เล่ากันมาว่า มีพระเถระเจ้าสำนักปฏิบัติแห่งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระวินัยยิ่งนัก ด้วยเหตุดังกล่าวก่อนจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ประจำวัน ตอนฟ้าสางๆ ท่านมักจะยกบาตรขึ้นส่องกับแสงสว่าง เพื่อจะดูว่าบาตรลูกนี้มีรูรั่วหรือไม่ ? ส่วนพระลูกวัดไม่ทราบความมุ่งหมาย และมิได้ไต่ถามถึงเหตุผล ครั้นเห็นผู้นำยกบาตรขึ้นส่องดู พวกตนก็ยกบาตรขึ้นส่องดูตามไปด้วยเป็นแถว แต่มิได้ยกขึ้นดูรูรั่วของบาตร ครั้นล่วงกาลนานมา ประเพณีเถรส่องบาตรจึงระบาดไปทั่วในหมู่นักปฏิบัติกรรมฐาน มีผู้เล่าขานต่อๆ กันมาจนทุกวันนี้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

อันการที่เราทำอะไรโดยไม่รู้จริง ๑ ไม่รู้แล้วก็ไม่สอบถามท่านผู้รู้ ๑ ไม่ศึกษาและไม่ค้นคว้าด้วยตนเอง ๑ นอกจากจะเป็นบ่อเกิดแห่งความงมงายแล้ว ยังเป็นแบบอย่างในทางลบแก่อนุชนอีกด้วย เพราะการทำอะไรตามๆ กันมาโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือด้วยความหลงผิดก็ตาม เมื่อทำจนติดเป็นนิสัยแล้วก็ย่อมจะแก้ภายหลังยาก แม้จะมารู้ภายหลังว่าไม่ถูกต้อง เหมือนผ้าที่ขาวสะอาดถูกย้อมด้วยน้ำสีแล้วเอามาซักออกภายหลัง ฉะนั้น

วิธีที่จะปลอดจากความงมงายที่นับว่าได้ผลชะงัดนัก ก็คือ การเล่าเรียนพระธรรมวินัย โดยเฉพาะจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา (เป็นดีที่สุด) การฟังมาก อ่านมาก หรือเมื่อเกิดสงสัยอะไรแล้ว ก็อย่าได้ถือรั้น อย่าเดาสุ่มทำไป ควรรีบสอบถามท่านผู้รู้ในทันที ไม่ควรที่จะเก็บความสงสัยไว้นานๆ เพราะอาจจะลืมได้ ถ้าไม่สะดวกก็ควรจดบันทึกไว้ก่อน เมื่อมีโอกาสพบท่านผู้รู้ก็นำไปกราบเรียนถามเสียให้หายสงสัย

เมืองไทยเรานี้ดีนัก มีนักปราชญ์มาก ถ้าเราไม่ถือทิฐิมานะและอัตตาที่รุนแรงแข็งขันแล้ว ก็ยังมีท่านที่มีเมตตาช่วยชี้แนะให้มากมาย ขอแต่ว่าให้เราทำตนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่หยิ่ง ยะโสโอหัง สุภาพก็ย่อมจะมีบัณฑิตให้ความเมตตาช่วยเหลืออื้อซ่าไปเลยทีเดียว

ที่มา http://www.dhammajak.net/book-dhammaraksa/-14-2.html